:: สาเหตุที่ตรัสชาดก ::
.....ในสมัยพุทธกาล พระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งมีความตั้งใจปฏิบัติธรรมเป็นอย่างดี แต่ครั้นวันเวลาผ่านไปนานปีเข้าก็ยังไม่เห็นผลของการปฏิบัติธรรม จึงเกิดความเบื่อหน่ายคลายความเพียรลง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงหวังจะอนุเคราะห์ภิกษุรูปนั้น จึงเรียกภิกษุรูปนั้นมา แล้วทรงตรัสเล่าชาดก ดังนี้
:: เนื้อเรื่อง ::
..ในอดีตกาลสมัยพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ ณ กรุงพาราณสี พระองค์มีม้าสินธพ อาชาไนย* ชื่อว่า " โภชาชานียะ" เป็นม้าที่ได้รับการฝึกมาแล้วอย่างดีเยี่ยมมีรูปร่างองอาจล่ำสัน มีพละกำลังเป็นเลิศกว่าม้าทั้งปวง มีฝีเท้าเร็วประหนึ่งสายฟ้า
..... กล่าวได้ว่า แม้เมื่อพระราชาขี่ม้าโภชาชานียะเข้าสู่สนามรบแล้วต่อให้ข้าศึกมาพร้อมกันทั้งสิบทิศ ก็ยังเอาชนะได้
..... แม้เพียงเสียงร้อง ก็ทำให้ม้า ของข้าศึกหวาดผวา เสียแล้ว
พระเจ้าพรหมทัตจึงทรงโปรดปรานยิ่งนักถือเป็นม้ามิ่งมงคลคู่พระบารมีสั่งให้ดูแลจัดที่อยู่อย่างดีและอาหารรสเลิศให้เสมือนจัดให้สำหรับบุคคลผู้สูงศักดิ์
พระนครพาราณสีนั้นมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ กษัตริย์เมืองต่างๆล้วนอยากครอบครองแต่ด้วยมีทหารกล้าและมีพระราชาที่สามารถทั้งยังมีม้าอาชาไนยเช่นนี้จึงเป็นที่ครั่นคร้ามยำเกรง
....ครั้นต่อมา เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ชราลง มีพระราชาจากนครต่างๆ ถึงเจ็ด พระนครได้ร่วมมือกันบุกเข้าล้อม กรุงพาราณสีไว้ แล้วแต่งทูต มาเจรจาขอให้พระเจ้าพรหมทัต ยอมศิโรราบ มิฉะนั้นจะยกทัพเข้าชิงเมือง
พระเจ้าพรหมทัตจึงทรงเรียกประชุมอำมาตย์ราชมนตรีที่ประชุมมีมติให้แม่ทัพม้าที่มีความสามารถเยี่ยมผู้หนึ่งเป็นผู้ออกไปรับศึกครั้งนี้
แม่ทัพขี่ม้าสินธพโภชาชานียะ นำไพร่พลบุกเข้าทลายค่าย ชั้นที่หนึ่งโดยไม่ชักช้ากองทัพ ข้าศึกแทบจะแยกออกเป็นทาง แม้ว่ากองทัพของข้าศึกจะหนา แน่น เพียงไรก็ไม่อาจต้านทานการบุก ที่หนักหน่วง และรวดเร็วได้ ฝ่ายกองทหารที่ติดตามมาก็ตีโอบ ไล่เข้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง
กองทัพของฝ่ายข้าศึกถอยร่น ไม่เป็นขบวนจนแม่ทัพสามารถ บุกเข้าไปประชิดตัวพระราชาองค์ที่หนึ่ง
เพลงทวนของแม่ทัพนั้นทั้งรวดเร็ว หนักแน่นและแม่นยำ เพียงไม่กี่เพลง ม้าของข้าศึกก็อ่อนกำลังเสียหลัก พระราชาองค์ที่หนึ่งไม่อาจต้านทาน เพลงทวนของแม่ทัพได้ถึงกับตกจากหลังม้าถูกจับเป็นเชลยกลางสมรภูมิ
เมื่อจับพระราชาองค์ที่หนึ่งได้ จึงนำตัวเข้าสู่พระนคร จากนั้น แม่ทัพก็นำทัพบุกเข้าตีค่ายอื่นๆ จนสามารถ จับตัวพระราชาได้ห้าพระองค์
..... ในระหว่าง การรบกับพระราชาองค์ที่หกนั้น โภชาชานียะถูกธนูยิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ี้
หลังจากที่จับพระราชาองค์ที่หกได้แล้ว แม่ทัพจึงนำม้าโภชาชานียะมาที่พระทวารหลวงแก้เกราะให้หย่อนเพื่อให้โภชาชานียะสบายตัวขึ้น กล่าวว่า
" โภชาชานียะเอ๋ย เจ้าถูกธนูบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ คงจะออกไปร่วมเป็นร่วมตายกับเราไม่ได้อีกแล้ว พาราณสีมีม้าศึกมากมาย แต่จะเทียบเทียมเจ้าได้นั้นไม่มีเลย "
ม้าโภชาชานียะ กล่าวว่า
" เพื่อนเอ๋ย ม้าอื่นที่จะพาท่านบุกเข้าทำลายค่ายที่เจ็ด นอกจากเราแล้ว ยังไม่เห็นเลย เราจะไม่ยอมให้ผลงานที่ทำมาถึงเพียงนี้แล้วต้องเสียเปล่า ขึ้นชื่ว่าม้าสินธพอาชาไนย แม้จะถูกธนูบาดเจ็บสาหัสจนต้องนอนตะแคงกับพื้นก็ยังประเสริฐกว่าม้าทั่วไป ท่านจงช่วยพยุงเราให้ลุกขึ้นแล้วผูกเกราะออกรบเถิด"
ท่านแม่ทัพรู้สึกตื้นตันใจจนไม่อาจกล่าวคำพูดใดๆได้ ได้แต่พยุงม้าโภชาชานียะ
ให้ลุกขึ้น พันบาดแผลให้แน่นสวมเกราะพร้อมที่จะเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้ง
ม้าศึกโภชาชานียะข่มความเจ็บปวดพาแม่ทัพบุกตะลุยเข้าทำลายค่ายที่เจ็ด
จนในที่สุดสามารถจับพระราชาองค์สุดท้ายได้
หลังจากนั้นม้าโภชาชานียะก็สิ้นแรงล้มลงทหารทั้งหลายจึงช่วยกันพามาที่พระทวารหลวง พระเจ้าพรหมทัตรีบเสด็จมาดูอาการของโภชาชานียะด้วยความห่วงใยยิ่งนัก
" อิสสริยอันใด ที่ข้าพระพุทธเจ้าจะได้รับโปรดพระราชทานแก่ แม่ทัพผู้เพียว และอย่าให้ท่านแม่ทัพต้องได้รับโทษเพราะเหตุที่ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าบาทเจ็บ ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจงบำเพ็ญทานรักษาศีลและทรงครองราชสมบัติโดยธรรมเถิด "
กล่าวจบม้าโภชาชานียะก็สิ้นใจ พระเจ้าพรหมทัตโปรดให้ทำพิธีศพม้าสินธพโภชาชานียะอย่างสมเกียรติเช่นนักรบผู้กล้าหาญ และทรงปฏิบัติตามคำทูลขอของโภชาชานียะทุกประการ
:: ข้อคิดจากชาดก ::
.....๑. ควรฝึกตนให้มีความเพียร เมื่อตั้งใจทำสิ่งใดในทางที่ดีงามแล้ว ต้องทำให้สำเร็จถ้ายังไม่สำเร็จจะไม่ล้มเลิกเป็นอันขาด แม้งานนั้นจะยากลำบากหรือมีอุปสรรคเพียงใดก็ตาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นแบบอย่างอันดีในการบำเพ็ญ วิริยบารมี มาตั้งแต่ ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ แม้ในพระชาติสุดท้าย พระองค์ยังปรารภความเพียรที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ก่อนตรัสรู้ว่าแม้เลือดและเนื้อในร่างกายของเราจะเหือดแห้งหายไป เหลือแต่หนังเอ็น และกระดูกก็ตามที ถ้าหากยังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ปราบกิเลสให้หมดไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เราจะไม่ยอมลุกจากที่เป็นอันขาด
.....๒. คุณธรรมอย่างหนึ่งที่พระพุทธองค์ ได้ทรงเน้นตลอดภพชาติอันยาวนานก็คือ ไม่ผูกพยาบาทจองเวรผู้ใด แม้จะถูกทำร้าย จนถึงแก่ชีวิตก็ตาม
*สินธพ = ม้าพันธุ์ดีตระกูลหนึ่งแถบลุ่มแม่น้ำสินธุ , อาชาไนย = ฝึกมาแล้วอย่างดี
|
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก โดย พระภาวนาวิริยคุณ www.kalyanamitra.org