พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปนมฤคทายวัน ทรงปรารภสุนัขจิ้งจอกซึ่งทำลายบ่อน้ำตัวหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้
ได้ยินว่า สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งทำลายบ่อน้ำของภิกษุสงฆ์แล้วหลบหนีไป. ครั้นวันหนึ่ง สามเณรทั้งหลายเอาก้อนดินปาสุนัขจิ้งจอกตัวนั้น ซึ่งมาใกล้บ่อน้ำ หลังจากนั้นสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นแม้จะหวนกลับมายังที่นั้นอีกก็ไม่มองดู ภิกษุทั้งหลายทราบเหตุดังนั้น จึงนั่งสนทนากันในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ได้ยินว่า สุนัขจิ้งจอกตัวที่ทำลายบ่อน้ำ แต่พวกสามเณรทำให้ลำบาก แม้ว่าจะกลับมาอีกก็ไม่มองดู
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกตัวนี้ประทุษร้ายบ่อน้ำ ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็ได้เป็นผู้ประทุษร้ายบ่อน้ำเหมือนกัน แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล ในเมืองพาราณสี ป่าอิสิปตนะนี้แล ได้มีบ่อน้ำนี้แหละ
ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์บังเกิดในเรือนของตระกูลในเมืองพาราณสี พอเจริญวัยก็บวชเป็นฤาษี แวดล้อมด้วยหมู่ฤาษีสำเร็จการในป่าอิสิปตนะ ก็ในกาลนั้น สุนัขจิ้งจอก
พระโพธิสัตว์ เมื่อจะเจรจาปราศรัยกับสุนัขจิ้งจอกนั้น จึงกล่าวว่า
ดูก่อนสหาย ทำไมท่านจึงถ่ายมูตรและคูถรดบ่อน้ำที่ทำโดยยากของฤาษีผู้อยู่ป่า ผู้แสวงหาตบะอยู่ตลอดกาลนาน
สุนัขจิ้งจอกได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า
พวกเราดื่มกินน้ำ ณ ที่ใดแล้ว ย่อมถ่ายอุจจาระปัสสาวะลงในที่นั้น นั่นเป็นธรรมดาของสุนัข
พระโพธิสัตว์จึงกล่าวแก่สุนัขจิ้งจอกนั้นว่า
อาการเช่นนี้เป็นธรรมดาของพวกท่าน อนึ่ง อาการเช่นไรไม่เป็นธรรมดาของพวกท่าน ขอพวกเราอย่าได้เห็นธรรมดาหรือมิใช่ธรรมดาของพวกท่านในกาลไหนๆ อีกเลย
พระมหาโพธิสัตว์ให้โอวาทแก่สุนัขจิ้งจอกนั้นอย่างนี้แล้วกล่าวว่า เจ้าอย่ามาอีกต่อไป หลังจากนั้น สุนัขจิ้งจอกนั้นแม้จะกลับมาอีก ก็ไม่มองดู